การสูญเสียการได้ยิน เป็นอีกหนึ่งปัญหาของวัยผู้สูงอายุ เนื่องจากหูชั้นในเกิดการเสื่อมของการได้ยินเพิ่มขึ้นตามอายุ แม้ว่าอาการหูตึงในผู้สูงอายุจะไม่เป็นโรคร้ายแรงอันตราย แต่ด้วยเป็นภาวะที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผู้สูงอายุเกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในการสื่อสารกับผู้อื่นน้อยลงโดยไม่รู้ตัว อาจจะเกิดปัญหาคนในครอบครัวกับผู้สูงอายุได้ หากรุนแรงอาจปลีกตัวออกจากสังคมเนื่องจากขาดความมั่นใจ จนเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้าในที่สุด
อาการเป็นอย่างไรถึงเรียกว่าหูตึง
- ขอให้ผู้อื่นพูดซ้ำๆ ดังๆ เพราะได้ยินไม่ชัดเจน ได้ยินไม่ครบประโยค มีบางคำขาดหายไป
- ได้ยินแต่ไม่ทราบว่าพูดอะไร
- พูดเสียงดังกว่าปกติ
- เอามือป้องหูไปด้วยในขณะที่ฟังคนอื่นพูด
- เร่งความดังเสียงโทรทัศน์ วิทยุ หรือฟังเพลงในระดับเสียงมากกว่าปกติ
สาเหตุอาการหูตึงในผู้สูงอายุ?เกิดจากการเสื่อมและตายของเซลล์ขนรับเสียง (Hair cells) ในหูชั้นใน รวมถึงประสาทบริเวณหูชั้นในค่อยๆ สึกกร่อนหรือฉีกขาดไป เมื่ออายุมากขึ้นจะไม่ได้ยินช่วงเสียงแหลมความถี่สูง จากนั้นความเสื่อมจะค่อยๆ ลามไปถึงช่วงความถี่กลางซึ่งเป็นระดับของเสียงพูด จึงทำให้ผู้สูงอายุเริ่มฟังไม่ชัดเจน โดยเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของความบกพร่องของการได้ยิน เช่น การรับประทานยาบางชนิดอาจเป็นปัจจัยให้ประสาทหูเสื่อมเร็วขึ้นได้ การเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือด โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ เป็นต้นการป้องกัน และชะลออาการหูตึงในผู้สูงอายุ- หลีกเลี่ยงการสัมผัสเสียงดัง
- ไม่ใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหู ยกเว้นยาที่แพทย์สั่งเท่านั้น
- ถ้าหากรู้สึกเจ็บหูหรือมีของเหลวไหลออกจากหู ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
- ทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น ความดัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินได้
การสื่อสารกับผู้ที่มีอาการหูตึงในผู้สูงอายุ- พูดด้านหน้าของผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยิน
- ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรืออื่นๆ ที่ทำให้ผู้ฟังมองไม่เห็นรูปปาก
- พูดเป็นประโยคสั้น กระชับ และช้าลง
- พูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน แต่ไม่จำเป็นต้องตะโกน
- ควรพูดขณะที่มีเสียงรบกวนรอบข้างน้อยที่สุด เช่น เสียงโทรทัศน์
การรักษาอาการหูตึงในผู้สูงอายุเนื่องจากปัจจุบันไม่มียารักษาภาวะเสื่อมตามวัยของระบบประสาทหู ดังนั้นในกรณีที่อาการหูตึงในผู้สูงวัยมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจพิจารณาให้ใส่เครื่องช่วยฟัง (hearing aids) ซึ่งช่วยทำหน้าที่เสมือนเครื่องขยายเสียงให้ดังขึ้น โดยใส่ไว้ในช่องหู สามารถถอดเก็บได้และนำมาสวมใส่ได้เหมือนแว่นตา ฉะนั้น เมื่อพบว่าผู้สูงอายุเริ่มมีอาการหูตึงจากประสาทหูเสื่อมตามวัย ผู้สูงอายุควรระวังและดูแลไม่ให้ประสาทหูเสื่อมมากขึ้น ด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็คระดับการได้ยิน นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงเสียงดัง และพยายามควบคุมโรคเรื้อรังที่เป็นปัจจัยเสี่ยง รวมถึงไม่ควรซื้อยาหยอดหูมาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอและทำจิตใจให้แจ่มใสสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมCall Center : 082-905-9030Facebook : เครื่องช่วยฟังHearing Care CenterLINE : @Hearingcarecenter