การสูญเสียการได้ยินหรือความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นภาวะที่บุคคลมีความสามารถในการฟังเสียงลดลงหรือไม่ได้ยินเลย ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสารและการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยแบ่งตามระดับความรุนแรงและสาเหตุของปัญหา ในบทความนี้จะอธิบายประเภทของผู้พิการทางการได้ยิน เพื่อให้เราเข้าใจถึงความแตกต่างและวิธีการดูแลผู้ที่ประสบปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้น
ประเภทของผู้พิการทางการได้ยินผู้พิการทางการได้ยินสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ การสูญเสียการได้ยินตามระดับความรุนแรง และการสูญเสียการได้ยินตามประเภทของปัญหาทางการแพทย์
1. การสูญเสียการได้ยินตามระดับความรุนแรง
- การสูญเสียการได้ยินสามารถแบ่งตามระดับความรุนแรงเป็น 4 ระดับ ซึ่งสามารถวัดได้จากการทดสอบการได้ยิน (Audiogram) ระดับความรุนแรงนี้วัดจากการฟังเสียงที่มีความดังแตกต่างกัน ดังนี้:
- การสูญเสียการได้ยินเล็กน้อย (Mild Hearing Loss)บุคคลที่สูญเสียการได้ยินในระดับเล็กน้อยสามารถได้ยินเสียงที่มีความดังตั้งแต่ 26-40 เดซิเบล จะมีปัญหาในการได้ยินเสียงที่เบา เช่น เสียงพูดคุยในระดับปกติ หรือเสียงพูดที่มีความถี่สูง
- การสูญเสียการได้ยินปานกลาง (Moderate Hearing Loss)การสูญเสียการได้ยินในระดับปานกลางจะฟังเสียงที่มีความดังตั้งแต่ 41-70 เดซิเบลไม่ค่อยชัดเจน ทำให้ยากที่จะฟังเสียงพูดในสถานการณ์ที่มีเสียงรบกวนหรือพูดคุยกันในกลุ่มใหญ่
- การสูญเสียการได้ยินอย่างมาก (Severe Hearing Loss)ผู้ที่สูญเสียการได้ยินในระดับนี้สามารถฟังเสียงที่มีความดังตั้งแต่ 71-90 เดซิเบล ฟังเสียงในสถานการณ์ปกติได้ยาก ต้องอาศัยการมองเห็นและการใช้ภาษามือในการสื่อสาร
- การสูญเสียการได้ยินทั้งหมด (Profound Hearing Loss)การสูญเสียการได้ยินในระดับนี้มักจะไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไป และแม้แต่เสียงที่มีความดังมากก็มักจะไม่ได้ยิน ผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยินในระดับนี้จะต้องใช้ภาษามือหรือเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพสูงเพื่อการสื่อสาร
2. การสูญเสียการได้ยินตามประเภทของปัญหาทางการแพทย์
การสูญเสียการได้ยินสามารถจำแนกตามประเภททางการแพทย์ได้อีกด้วย โดยพิจารณาจากสาเหตุของการสูญเสียการได้ยิน ดังนี้:
- การสูญเสียการได้ยินทางเสียงนำ (Conductive Hearing Loss)การสูญเสียการได้ยินประเภทนี้เกิดจากปัญหาในหูชั้นกลางหรือหูชั้นนอก เช่น การสะสมของขี้หูมากเกินไป หรือการติดเชื้อในหูชั้นกลางทำให้เสียงไม่สามารถผ่านไปยังหูชั้นในได้ดี ผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยินประเภทนี้สามารถฟังเสียงได้ แต่เสียงที่ได้ยินจะเบาลง
- การสูญเสียการได้ยินทางประสาทรับเสียง (Sensorineural Hearing Loss)การสูญเสียการได้ยินประเภทนี้เป็นผลมาจากความเสียหายในหูชั้นในหรือเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณเสียงไปยังสมอง ซึ่งอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ขนในคอเคลียที่เกิดขึ้นตามอายุ หรือการสัมผัสกับเสียงดังมากเกินไป ผู้ที่สูญเสียการได้ยินประเภทนี้มักจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยา แต่สามารถใช้เครื่องช่วยฟังหรือการปลูกถ่ายประสาทหูเทียมเพื่อปรับปรุงการฟังได้
- การสูญเสียการได้ยินแบบผสม (Mixed Hearing Loss)เป็นการรวมกันของการสูญเสียการได้ยินทั้ง 2 ประเภทข้างต้น คือมีปัญหาทั้งในหูชั้นกลางและหูชั้นใน ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินแบบผสมนี้มักจะต้องรักษาทั้งทางการแพทย์และใช้เครื่องช่วยฟังร่วมกัน
วิธีการดูแลผู้ที่มีปัญหาการได้ยินผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ การใช้เครื่องช่วยฟัง การฝึกฝนการสื่อสารด้วยภาษามือ หรือการฝึกพูดสามารถช่วยปรับปรุงความสามารถในการสื่อสาร นอกจากนี้ควรมีการตรวจสุขภาพหูอย่างสม่ำเสมอและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
สรุปผู้พิการทางการได้ยินสามารถแบ่งได้หลายประเภท ทั้งตามระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยินและประเภททางการแพทย์ การทำความเข้าใจประเภทของผู้พิการทางการได้ยินจะช่วยให้เราสามารถเลือกวิธีการดูแลและการรักษาที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีปัญหาการได้ยินได้