ทำยังไงถึงจะหายหูอื้อ? วิธีแก้ไขและดูแลเบื้องต้น

Last updated: 3 ต.ค. 2567  |  28 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำยังไงถึงจะหายหูอื้อ? วิธีแก้ไขและดูแลเบื้องต้น

    อาการหูอื้อเป็นภาวะที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีเสียงในหู หรือได้ยินเสียงเบากว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลง ขี้หูอุดตัน การติดเชื้อในหู หรือแม้แต่การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน หลายคนสงสัยว่าเราจะทำอย่างไรให้อาการหูอื้อหายไปได้ วันนี้เราจะมาดูวิธีการดูแลและแก้ไขอาการหูอื้อในแต่ละสาเหตุเบื้องต้นกัน

สาเหตุที่ทำให้เกิดหูอื้อ

ก่อนที่เราจะหาวิธีรักษา อาการหูอื้อมักเกิดจากหลายปัจจัยหลัก ได้แก่:

  • การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ

ขึ้นเครื่องบิน ลงใต้น้ำ หรือขึ้นเขาสูง อาจทำให้เกิดหูอื้อ เนื่องจากความดันในหูไม่สมดุล
  • ขี้หูอุดตัน

ขี้หูสะสมมากเกินไปจนเกิดการอุดตัน ทำให้การได้ยินลดลงและเกิดอาการหูอื้อ
  • การติดเชื้อในหู

การติดเชื้อในหูชั้นกลาง เช่น หูน้ำหนวก หรือการติดเชื้ออื่น ๆ ทำให้หูอื้อ
  • การสัมผัสเสียงดัง

การฟังเสียงดัง เช่น เสียงจากคอนเสิร์ต หรือเครื่องจักร อาจทำให้หูอื้อได้
  • ความเครียดหรือการเหนื่อยล้า


บางคนอาจมีอาการหูอื้อเพราะความเครียด หรือร่างกายอ่อนล้า ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย


วิธีแก้ไขและดูแลอาการหูอื้อเบื้องต้น

  • การหาวหรือกลืนน้ำลายบ่อย ๆ

หากอาการหูอื้อเกิดจากการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ เช่น ขณะเดินทางโดยเครื่องบิน คุณสามารถลองหาว หรือกลืนน้ำลายบ่อย ๆ เพื่อปรับความดันในหู หรืออาจลองเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของหูชั้นกลาง
  • การล้างหู

หากคุณรู้สึกว่าขี้หูเป็นสาเหตุของการอุดตันและทำให้หูอื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อล้างหู โดยหลีกเลี่ยงการแคะหูด้วยตนเอง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บในหู หรือดันขี้หูเข้าไปลึกกว่าเดิม
  • พักผ่อนหู

หากหูอื้อเกิดจากการสัมผัสเสียงดัง ควรพักหูในสถานที่เงียบสงบ หลีกเลี่ยงเสียงดังเพิ่มเติม โดยอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
  • ปรึกษาแพทย์หากติดเชื้อ

หากมีอาการหูอื้อร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหู หูน้ำหนวก หรือมีน้ำหนอง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา การติดเชื้อในหูอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยารักษาเฉพาะทาง
  • จัดการความเครียด

สำหรับบางคน อาการหูอื้ออาจเกิดจากความเครียด หรือร่างกายอ่อนล้า การพักผ่อนที่เพียงพอและจัดการความเครียดจะช่วยให้อาการดีขึ้น
  • ปรึกษาแพทย์หากอาการไม่หาย


หากอาการหูอื้อยังคงอยู่เกิน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรง เช่น สูญเสียการได้ยินอย่างฉับพลัน หรือติดเชื้อในหู ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม


สรุป

อาการหูอื้ออาจเป็นเรื่องที่ก่อความรำคาญได้ แต่หากเรารู้ถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขเบื้องต้น อาการมักจะดีขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน ควรระมัดระวังและดูแลสุขภาพหูของเราอยู่เสมอ หากอาการไม่ดีขึ้นภายในเวลาที่เหมาะสม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้อง

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้